ไฟแนนซ์คือธุรกิจที่แสวงหากำไรจากดอกเบี้ย ไม่ว่าจะเป็นดอกเบี้ยที่ผ่อนชำระปกติพร้อมเงินต้นหรือดอกเบี้ยปรับล่าช้า จากการผิดนัดชำระตามวันและเวลาที่กำหนดกันไว้
ฉะนั้นการทำนิติกรรมใดๆ กับไฟแนนซ์ก็คือการเอาตัวเข้าไปผูกพันกับดอกเบี้ยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
พระองค์อัลลอฮ์ ได้ทรงกล่าวว่า
وَأَحَلَّ اللهُ البَيْعَ وَحَرَّمَ الرَبَا
“และพระองค์อัลลอฮ์นั้นทรงอนุมัติการค้าขาย แต่ห้ามเรื่องดอกเบี้ย” ซูเราะห์อัลบะกอเราะห์ อายะห์ที่ 275
การที่ผู้ถามอ้างว่าถ้าผ่อนชำระปกติโดยไม่ผิดสัญญาก็ไม่เป็นไร เพราะถือว่าไม่เป็นดอกเบี้ยนั้น เป็นความเข้าใจที่คลาดเคลื่อน เพราะการชำระปกตินี้มีดอกเบี้ยที่ควบรวมกับเงินต้นไว้แล้ว ตัวอย่างเช่น
นาย ก ซื้อรถยนต์คันหนึ่งราคา 300,000.- บาท โดยชำรำเงินสดให้กับบริษัทรถยนต์เป็นเงิน 50,000 บาทและยังคงเหลือยอดค้างชำระที่นาย ก ต้องจ่ายให้แก่บริษัทรถยนต์อีก 250,000.- บาท
(นี่คือยอดเงินต้นของกรณีนี้) ดังนั้นบริษัทรถยนต์จึงให้ทำการจดนิติกรรมกับบริษัทไฟแนนซ์ หรือพูดง่ายๆว่า กู้เงินไฟแนนซ์ 250,000.- บาทเพื่อชำระให้แก่บริษัทรถยนต์
ด้วยวิธีการเช่าซื้อและถูกบังคับประกัน
การเช่าซื้อ หมายถึง รถยนต์คันดังกล่าวนี้จะถูกจดทะเบียนกรรมสิทธิ์เป็นชื่อบริษัทไฟแนนซ์ (คือไฟแนนซ์เป็นเจ้าของ) ส่วนนาย ก ผู้เช่าซื้อนั้นได้รับสิทธิ์ครอบครอง
จนกว่านาย ก จะผ่อนชำระให้แก่ไฟแนนซ์จนครบถ้วนเสียก่อน จึงจะทำการจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์เป็นของ นาย ก อย่างถูกต้อง
เมื่อรถยนต์ที่เช่าซื้อนี้เป็นกรรมสิทธิ์ของไฟแนนซ์ แน่นอนว่า เขาต้องบังคับให้ผู้เช่าซื้อทำประกันภัย ในระหว่างการผ่อนชำระ โดยผู้เอาประกันก็คือไฟแนนซ์ ผู้เป็นเจ้าของสิทธิ์นั่นเอง
วิธีการคิดคำนวณเงินต้นและดอกเบี้ยจากการเช่าซื้อในครั้งนี้คือ เงินต้นคูณด้วยดอกเบี้ย คูณด้วยจำนวนปีที่ต้องการผ่อนชำระ หารด้วยจำนวนเดือนที่ผ่อนชำระดังนี้
เงินต้น 250,000.- บาท คูณด้วย ดอกเบี้ยร้อยละ 8 ต่อปี (โดยประมาณ) เท่ากับปีละ 20,000 บาท ระยะเวลาผ่อน 3 ปีเท่ากับดอกเบี้ยทั้งหมด 60,000.-บาท
รวมเงินต้นพร้อมดอกเบี้ยทั้งหมดเป็นเงิน 310,000.- บาท หลังจากนั้น หารด้วยจำนวนเดือนที่ผ่อนชำระคือ 36 เดือน จะได้ยอดผ่อนชำระเดือนละ 8,612.- บาท
ในยอดผ่อนชำระรายเดือนจำนวน 8,612.- บาทนี้ มีเงินต้นอยู่ 6,945.- บาท และดอกเบี้ย 1,667.- บาท จะเห็นได้ว่าอัตราดอกเบี้ยนี้
เป็นอัตราคงที่ตั้งแต่เดือนแรกจนถึงเดือนสุดท้ายที่ผ่อนชำระ แม้จะผ่อนชำระไปแล้ว 10 เดือนก็ไม่ทำให้อัตราดอกบี้ยลดลงแต่ประการใด
เนื่องจากว่าได้นำเอาดอกเบี้ยทั้งหมดไปควบรวมกับเงินต้นไว้ก่อนหน้านี้แล้ว หรือกล่าวได้ว่า ต้นลดแต่ดอกไม่ลด โหดกว่าดอกเบี้ยธนาคารหลายเท่านัก
ที่กล่าวมานี้คืออัตราการผ่อนชำระปกติโดยไม่ได้ผิดสัญญาเช่าซื้อ ที่ผู้ถามได้ฟังมาว่าถ้าไม่ผิดสัญญาก็ไม่เป็นไร แต่ที่จริงแล้วการไม่ผิดสัญญานี้มันมีทั้งเงินต้นและดอกเบี้ยที่ต้องจ่ายรวมกัน
ดังนั้นจึงเป็นเรื่องฮารอม แน่นอน
แต่หากผิดสัญญาเช่าซื้อ ก็ต้องเจอเบี้ยปรับล่าช้าอีก อย่างนี้คือ ฮารอม ซ้ำซ้อน
การทำแท้งด้วยความจำเป็นจะบาปหรือไม่ เช่นแม่มีโรคประจำตัว
โดยพื้นฐานเดิมๆ แล้วอิสลามห้ามฆ่าชีวิตใดๆ ที่ไม่ได้เป็นไปตามข้อกำหนดของศาสนา เหมือนอย่างที่พระองค์อัลลอฮ์ได้กล่าวว่า
ولا تقتلوا النفس التى حرم الله الا بالحق
“และพวกเจ้าอย่าได้ฆ่าชีวิตใดที่อัลลอฮ์ทรงห้าม นอกจากด้วยความเป็นธรรม” ซูเราะห์อัลอันอาม อายะห์ที่ 151
คำว่าด้วยความเป็นธรรมนั้น หมายถึงอนุญาตให้ฆ่าได้เฉพาะที่เป็นไปตามข้อกำหนดของศาสนานั้น เช่นเพชรฆาตที่ต้องสังหารตามคำพิพากษา อย่างนี้เป็นต้น
ส่วนการทำแท้ง ก็ถือว่าเป็นการฆ่าชีวิตด้วยเช่นกัน ไม่ว่าเด็กในท้องจะมีอายุน้อยกว่าหรือมากกว่าสีเดือนก็ตาม นอกจากด้วยเหตุของความจำเป็น เช่นแม่มีโรคประจำตัว หรือครรภ์เป็นพิษ ที่แพทย์วินิจฉัยด้วยความรอบคอบแล้วว่า ถ้าเอาเด็กไว้แม่อาจเสียชีวิต หรืออย่างใดอย่างหนึ่ง จึงจะถือว่าเป็นที่อนุมัติให้กระทำได้ แต่ขอบเขตของความจำเป็นนี้ต้องถึงขั้น ชีวิตแลกด้วยชีวิต
2020. Thaisunnah.com